Beauty in Cosmetics

      วันนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเภทของเครื่องสำอางค์ที่ใช้สำหรับแต่งหน้ามาฝากค่ะ ...เคยสังเกตุบางมั้ยคะว่าทำไมเราถึงแต่งหน้าไม่สวยเหมือนคนอื่น หรือทำไมคนนั้น นี่ โน้น แต่งหน้าสวยจัง คงเป็นเพราะผิวเขาดีมั้งหน้าถึงได้เนียนเรียบขนาดนั้น เราพอกเท่าไหรก็ปิดไม่มิด ยิ่งดูเวอร์เข้าไปอีก ทำงัยดี ไปนวดหน้าก็แล้ว ขัดหน้าก็แล้ว ทรีทเมนต์ต่างๆ สารพัด (ที่พูดมานี่คือว่า...พี่บันนี่ทำมาหมดเองหละ...อิอิ) เครื่องสำอางค์ไหนที่ใคร รีวิวว่าดี ประเภทไหน ยี่ห้อไหน บอกมา ไปซื้อให้หมด แต่งออกมาก็ได้แค่นี้

เห็นมั้ย สู้ได้ที่ไหน

  
       แต่สิ่งที่จะช่วยได้อย่างมากที่สุดก็คือ เทคนิคในการแต่งหน้า พร้อมทั้งอุปกรณ์ตัวช่วยต้องครบเพื่อความสมบรูณ์ของใบหน้าที่เราจะต้องใช้ในโอกาสต่างๆ เช่น รับปริญญา, แต่งงาน ,ไปงานตอนกลางคืน หรือแม้กระทั่งนักแสดง นางแบบ เหล่าเซเล่บทั้งหลายก็ต้องใช้เงื่อนไขนี้กับทุกคน
  เพื่อให้หน้าดูมีมิติ เน้นจุดเด่น ลบจุดด้อยและที่สำคัญต้องดูผ่องกว่าใครๆ คราวนี้เราลองมาดูตัวช่วยทั้งหลายกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง

ครีมรองพื้น (Foundation)
 
ครีมรองพื้นมีอยู่หลายแบบ ทั้งแบบเหลว (Liquid Foundation) ซึ่งจะมีเนื้อบาง ไล่ระดับความเข้มข้นขึ้นไปจนถึงแบบสติก (Stick Foundation) ซึ่งมีเนื้อเป็นครีมข้น ยิ่งครีมรองพื้นมีเนื้อข้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถปกปิดจุดด่างดำหรือสีสันที่ไม่เรียบเนียนบนผิวหน้าได้มากเท่านั้น ส่วนครีมรองพื้นที่มีเนื้อเหลวบางเบา ก็จะทำให้ผิวหน้าดูนวลเนียนกลมกลืนเป็นธรรมชาติมากขึ้น

-คนที่มีผิวแห้ง ควรเลือกครีมรองพื้นแบบที่มีเนื้อค่อนข้างชุ่มชื้น มีมอยส์เจอไรเซอร์ผสม เพื่อไม่ให้ผิวหน้าดูแห้ง

-คนผิวมัน ควรเลือกชนิดออยล์ฟรี (Oil-Free Foundation) เพราะเป็นชนิดที่ไม่มีน้ำมันอยู่ในส่วนผสม และยังสามารถดูดซับความมันส่วนเกินในระหว่างวันได้ด้วย

-คนที่มีผิวธรรมดา สามารถเลือกใช้ครีมรองพื้นได้หลายชนิดตามต้องการ
คอนซีเลอร์ (Concealer)
 
คอนซีเลอร์มีประโยชน์ในการช่วยปกปิดรอยด่างดำตำหนิในจุดเล็กจุดน้อยได้ดี มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับครีมรองพื้น แต่เนื้อนุ่มนวลกว่า และมีความเข้มข้นพอเหมาะสำหรับการปกปิดอย่างเรียบเนียน คอนซีเลอร์มีทั้งแบบเนื้อเหลว เนื้อครีม และแบบสติก

-คอนซีเลอร์ที่มีสีอ่อนกว่าสีของครีมรองพื้นประมาณหนึ่งเบอร์ ยังสามารถทำหน้าที่เป็นไฮไลต์บริเวณใต้ตา หัวตา เปลือกตา สันจมูก ร่องจมูกและร่องแก้ม

-คอนซีเลอร์ที่มีสีเข้มกว่าสีของครีมรองพื้นเล็กน้อย ทำหน้าที่เป็นเฉดดิ้งบริเวณสองข้างของสันจมูก แนวโหนกแก้ม ใต้โหนกแก้ม กรอบหน้า และขากรรไกรได้ด้วย

-คอนซีเลอร์ที่มีโทนสีเหลือง ใช้สำหรับทาใต้ตาเพื่อช่วยแก้สี ในกรณีที่ใต้ตาคล้ำเป็นสีเทา     หรือสีเข้มมาก
แป้งฝุ่น (Loose Powder)
 
แห้งฝุ่นคือสิ่งที่จะใช้ทาทับลงบนผิวหน้าที่ทำการรองพื้นและทาคอนซีเลอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นการซับความมัน ช่วยให้ผิวหน้าดูนวลเนียนขึ้น
แป้งฝุ่นมีหลายสีให้เลือกใช้ แต่ถ้าจะให้ง่ายที่สุดคือเลือกใช้แบบโปร่งแสง

-แบบโปร่งแสง (Translucent Powder) เพื่ออาศัยความเรียบเนียบเท่านั้น โดยให้สีสันของผิวหน้าตรงกับเมื่อรองพื้นเสร็จ

-แบบแป้งทูเวย์ (Two-way Powder) คือแป้งที่ผสมกลับครีมรองพื้น แล้วอัดลงในตลับ ใช้ทาลงบนผิวหน้าโดยไม่ต้องลงครีมรองพื้นไว้ก่อน

-แบบแป้งแข็ง (Pressed Powder) เป็นแป้งฝุ่นที่อัดลงในตลับ เพื่อความสะดวกสบายในการพกพาหรือใช้เติมแป้งระหว่างวัน เพราะแป้งฝุ่นเหมาะกับการใช้งานอยุ่หน้ากระจกที่บ้านเท่านั้น
ดินสอเขียนคิ้ว และดินสอเขียนขอบตา (Brow pencil & Eye pencil)
 
ดินสอเขียนขอบตาควรจะมีเนื้อนุ่มกว่าดินสอเขียนคิ้วเล็กน้อย

-เนื้อดินสอแข็งเกินไป อาจใช้วิธีแตะปลายดินสอกับมอยส์เจอไรเซอร์นิดหน่อยแล้วค่อยเขียน

-เนื้อดินสอนิ่มเกินไป ทำให้เป็นคราบหนาหรือเส้นไม่คมชัดอย่างใจ สามารถนำดินสอไว้ในตู้เย็นสักพักก่อนใช้งานก็จะช่วยได้เช่นกัน

สำหรับสีของดินสอเขียนคิ้วและดินสอเขียนขอบตานั้น โดยพื้นฐานควรจะเลือกใช้สีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้ม และสำหรับลูกเล่นหรือสไตล์อื่นๆ ในการแต่งหน้า อาจมีดินสอเขียนขอบตาสีดำ สีฟ้า หรือสีอื่นๆ เก็บไว้ใช้บ้างตามโอกาส

มาสคาร่า (Mascara)
 
ช่วยปัดขนตาให้ดูดกดำ เป็นการเน้นรูปตาให้คมชัดขึ้น และเปิดดวงตาให้ดูโตและสว่างสดใสขึ้น โดยสีที่ควรเลือกใช้เป็นพื้นฐานคือสีดำ และสีน้ำตาลเข้ม
 
-ระวังอย่าปัดมาสคาร่ามากเกินไปและอย่าปัดซ้ำๆ ถ้าปัดครั้งแรกแล้วอยากปัดเพิ่มต้องรอให้แห้งก่อน ไม่อย่างนั้นขนตาอาจเกาะกันเป็นก้อน ดูเลอะเทอะ หรือขนตาอาจขาดได้
 
-เวลาเลือกมาสคาร่า นอกจากเลือกสีแล้ว ควรเลือกที่มีด้ามจับไม่สั้นเกินไปให้ขนาดพอเหมาะถนัดมือ และเวลาใช้งาน อาจลองดัดส่วนปลายของแปรงมาสคาร่าให้ทำมุมกับด้ามเล็กน้อย เพื่อให้ปักถนัดขึ้น

อายแชโดว์ (Eye Shadow)
 
อายแชโดว์คือสิ่งที่จะช่วงสร้างสีสันและแสงเงาให้กับดวงตา โดยสีสันของอายแชโดว์มีให้เลือกอย่างหลากหลาย สามารถเลือกใช้ได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม แต่หลักๆ สำหรับการแต่งหน้าแบบพื้นฐานง่ายๆ ที่ไม่ต้องการให้มีสีสันมากเกินไป ก็ควรจะเลือกใช้อายแชโดว์สีน้ำตาล ไล่ความอ่อนความเข้ม 2-3 เฉด เพื่อสร้างมิติแสงเงาบนเปลือกตาอย่างดูเป็นธรรมชาติ

บลัชออน (Blush On)
 
บลัชออนใช้สำหรับเพิ่มสีสันให้กับบริเวณแก้ม รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มแสงเงาให้กับส่วนอื่นๆ เช่น กรอบหน้า หน้าผาก ไรผม หรือปลายคาง
 
ในส่วนของสีสันนั้น ระวังอย่าใช้บลัชออนที่สีจัดจ้านหรือเข้มทึบจนเกินไป ควรเลือกสีที่ดูเป็นธรรมชาติ เป็นสีจางๆ และอ่อนเบา เช่นสีพีช หรือสีชมพูอ่อน ซึ่งสามารถจะใช้ได้ง่ายและใช้ได้ทุกโอกาส
 
เวลาเลือกบลัชออน ให้ลองใช้พู่กันทาบนหลังมือ เพื่อดูการกระจายตัวของฝุ่นสี ซึ่งต้องเลือกให้กระจายฟุ้งดี อย่าให้เกาะกันหนาเป็นคราบ จะทำให้ปัดเกลี่ยบนพวงแก้มได้ยาก

ลิปไลเนอร์ (Lip Liner)
 
ก่อนการทาริมฝีปากด้วยลิปสติก ควรใลิปไลเนอร์เขียนขอบปากเสียก่อน เพื่อเป็นการแก้ไขรูปปากให้สวยขึ้นก่อนในเบื้องต้น และยังทำให้รูปปากชัดเจน
 
-เลือกใช้ลิปไลเนอร์ชนิดที่เป็นดินสอ (Lip pencil) โดยเลือกให้มีเนื้อดินสอนุ่ม เขียนเส้นได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ส่วนสีที่จะใช้ในการเขียนขอบปากแต่ละครั้งนั้น ควรเป็นสีโทนเดียวกันกับสีของลิปสติกที่ตั้งใจจะทาแต่เข้มกว่าเล้กน้อย
 
-ใช้ลิปไลเนอร์หรือดินสอเขียนขอบปากในการทาสีให้เต็มริมฝีปากก็ได้เช่นกัน เพื่อช่วยให้สีติดทนนาน
ลิปสติกและลิปกลอส (Lipstick & Lip Gloss)
 
โดยหลักๆอาจเลือกลิปสติกโทนสีที่ถูกใจและทดลองแล้วเห็นว่าสวยเหมาะเจาะ 2-3 โทนเป็นหลัก

สำหรับลิปกลอสนั้น มีทั้งเนื้อครีมและเนื้อเจลใส ใช้ทาเคลือบริมฝีปากปากจากทาลิปสติกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อเพิ่มความมันวาวสดใส รวมทั้งใช้ทาก่อนลิปสติกเพื่อช่วยบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับริมปากได้อีกด้วย



   และแล้ว....หลังจากที่ได้เรียนวิทยายุทธมา และมีเครื่องครบสิ่งที่ได้คือ.....

                                     
เป็นงัยค่ะ พอจะสู้ไหวมั้ย....จากภาพเมื่อกี้ ได้ 5 ตอนนี้ 7 นะ เดี๋ยวภาคต่อไปจะนำเสนอ หลังจากที่ได้ฝึกปฏิบัติมา 2 อาทิตย์ ว่าคะแนนจะขึ้น หรือ จะลง ยังงัยตัดสินให้ด้วยนะคะ

http://www.bunnyhealthme.com